ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล(Information Processing Theory)
(http://www.niteslink.net/)
เป็นทฤษฏีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฏีนี้มีแนวคิดว่า
การทำงานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์
หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ
การนำเสนอสิ่งเร้าที่ผู้เรียนรู้จักหรือมีข้อมูลอยู่จะสามารถช่วยให้ผู้
เรียนหันมาใส่ใจและรับรู้สิ่งนั้น จัดสิ่งเร้าในการเรียนรู้ให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน
สอนให้ฝึกการจำโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย หากต้องการให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาสาระใดๆ
ได้เป็นเวลานาน สาระนั้นจะต้องได้รับการเข้ารหัส(encoding) เพื่อนำไปเข้าหน่วยความจำระยะยาว วิธีการเข้ารหัสสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
การท่องจำซ้ำๆ การทบทวน หรือการใช้กระบวนการขยายความคิด
ทฤษฎี กระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล
เป็นทฤษฎีที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมองทฤษฎีนี้เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 จนถึงปัจจุบัน
คลอสเมียร์ ได้อธิบายการเรียนรู้ของมนุษย์
โดยเปรียบเทียบการทำงานของคอมพิวเตอร์กับการทำงานของสมอง
(ประมวลทฤษฎีการเรียนรู้ที่เป็นสากลและการประยุกต์สู่การสอน)ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล
(Information Processing Theory)
ก. ทฤษฎี
การเรียนรู้ เป็นทฤษฎีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมองทฤษฎีนี้เริ่มได้รับความนิยมมา ตั้งแต่ปี
ค.ศ. 1950 จวบจนปัจจุบัน ทฤษฎีนี้มีแนวคิดว่า
การทำงานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ คลอสเมียร์
(klausmeier,1985:52-108)
ได้อธิบายการเรียนรู้ของมนุษย์โดยเปรียบเทียบการทำงานของคอมพิวเตอร์กับการทำงานของสมอง
ซึ่งมีการทำงานเป็นขั้นตอนดังนี้
1.
การรับข้อมูล
(input)โดยผ่านทางอุปกรณ์หรือเครื่องรับข้อมูล
2.
การเข้ารหัส (encoding)โดอาศัยชุดคำสั่งหรือมซอฟต์แวร์
3.
การสั่งข้อมูลออก(output)โดยผ่านทางอุปกรณ์
ความรู้ในเชิงเมตาคอคนิชั่นหรือการรู้คิด(metacognitive knowledge)จึงมักประกอบไปด้วยความรู้เกี่ยวกับบุคคล(person) งาน (task)
และกลวิธี (strategy)ซึ่งประกอบด้อยความรู้ย่อย ๆ
ที่สำคัญดังนี้(Garofalo and Lester, 1985: 163-176
1. ความรู้เกี่ยวกับบุคคล (person)ประกอบไปด้วยความรู้ความเชื่อเกี่ยวกับความแตกต่างภายในตัวบุคคล(intra individual differences) ความแตกต่างระหว่างบุคคล(inter individual differences) และลักษณะสากลของกระบวนการรู้คิด (universals of cognition)
2. ความรู้เกี่ยวกับงาน (task)
ประกอบด้วยความรู้เกี่ยวกับขอบข่ายของงานปัจจัยเงื่อนไขของงาน และลักษณะของงาน
3. ความรู้เกี่ยวกับกลวธ (strategy)
ประกอบความรู้เกี่ยวกับกลวธการรู้เฉพาะด้านและโดยรวมและประโยชน์ของกลวิธีนั้นที่มีต่องาน แต่ละอย่าง ในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน
แพริสและคณะ (paris et al., 1983:293-316)ได้จำแนกความรู้ในเชิงเมตาคอคนิชั่นออกเป็น
– ประเภท เช่นเดียวกัน ได้แก่
1.ความรู้ในเชิงปัจจัย (declarative knowledge) คือ ความรู้เกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่องาน
2.ความเชิงกระบวนการ (procedural knowledge) ได้แก่ความรู่เกี่ยวกับกระบวนการและวิธีการต่างๆ
ในการดำเดินงาน และ
3.ความรู้เชิงเงื่อนไข (conditional knowledge) ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ ข้อจำกัด
และเงื่อนไขในการใช้กลวิธีต่างๆและการดํเนินงาน
ข. การประยุกต์ใช้ทฤษฎีในการเรียนการสอน
ทฤษฎีที่กล่าวไว้ข้างต้น
เป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอนหลายประการดังนี้
1.เนื่องจากการรู้จัก (recognition) มีผลต่อการรับรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หาก เรารู้จักสิ่งนั้นมาก่อน
เราก็มักเลือกรับรู้สิ่งนั้น และนำไปเก็บไว้ในหน่วยความจำต่อไป
การที่บุคคลจะรู้จักสิ่งใด บุคคลรู้หรือเคยมีประสบการณ์กับสิ่งนั้นมาก่อน
2. เนื่องจากความสนใจ (attention)
เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการรับข้อมูลเข้ามาไว้ในความจำระยะสั้น
ดังนั้นในการจัดการเรียนการสอน
จึงควรจัดสิ่งเร้าในการเรียนรู้ให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน
3. เนื่องจากข้อมูลที่ผ่านการรับรู้แล้ว
จะถูกนำไปเก็บไว้ในความจำ ระยะสั้น ซึ่งนักจิตวิทยาการศึกษาพบว่า จะคงอยู่พียง 10 – 15 วินาทีเท่านั้น ดังนั้นหากต้องการที่จะจำสิ่งนั้นนานกว่านี้
ก็จำเป็นต้องใช้วิธีการต่างๆช่วย
4. หากต้องการจะให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาสาระใดๆได้เป็นเวลานาน
สาระนั้นจะต้องได้รับการเข้ารหัส (encoding) เพื่อนำไปเข้าหน่วยความจำระยะยาว
วิธีการเข้ารหัสสามารถทำได้หลายวิธี
5. ข้อมูลที่ถูกนำไปเก็บไว้ในหน่วยความจำระยะสั้นหรือระยะยาวแล้ว
สามารถเรียงออกมาใช้งานด้วยได้โดยผ่าน “effector”
ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นพฤติกรรมทางวาจาหรือการกระทำ
ซึ่งทำให้บุคคลแสดงความคิดภายในออกมาเป็นพฤติกรรมที่สังเกตเห็นได้
6. เนื่องจากกระบวนการต่างๆของสมองได้รับการควบคุมโดยหน่วยบริหารควบคุมอีกชั้นหนึ่ง
ซึ่งเปรียบได้กับโปรแกรมสั่งงาน ซึ่งเป็น “software”
ของ
เครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้น
การที่ผู้เรียนรู้ตัวและรู้จักการบริหารควบคุมกระบวนการทางปัญญาหรือกระบวน
การคิดของตนก็จะสามารถทำให้บุคคลนั้นสามารถสั่งงานให้สมองกระทำการต่างๆอัน
จะทำให้ผู้เรียนประสบผลสำเร็จในการเรียนรู้ได้
สรุป
กระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล
เป็นกระบวนการทางคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ โดยจะผ่านทางประสาทสัมผัส
และผ่านทางอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่มีส่วนในการรับข้อมูล
เป็นการประมวลข้อมูลทั้งทางคอมพิวเตอร์และทางสมองของมนุษย์ถึงการคิด ความรู้
ความสามารถของตนในการจัดควบคุมกระบวนการคิด
อ้างอิง
(ประมวลทฤษฎีการเรียนรู้ที่เป็นสากลและการประยุกต์สู่การสอน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น