ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง(Constructivism)
(http://www.niteslink.net/)เป็น
ทฤษฏีที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการและวิธีการของบุคคลในการสร้างความรู้ความ
เข้าใจจากประสบการณ์ รวมทั้งโครงสร้างทางปัญญาและความเชื่อที่ใช้ในการแปลความหมายเหตุการณ์และ
สิ่งต่างๆ เป็นกระบวนการที่ผู้เรียนจะต้องจัดกระทำกับข้อมูล
นอกจากกระบวนการเรียนรู้จะเป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ภายในสมองแล้ว
ยังเป็นกระบวนการทางสังคมด้วย การสร้างความรู้จึงเป็นกระบวนการทั้งด้านสติปัญญาและสังคมควบคู่กันไป
หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะมุ่งเน้นไปที่กระบวนการสร้างความรู้(process
of knowledge construction) เป้า
หมายของการสอนจะเปลี่ยนจากการถ่ายทอดให้ผู้เรียนได้รับสาระความรู้ที่แน่นอน ตายตัว
ไปสู่การสาธิตกระบวนการแปลและสร้างความหมายที่หลากหลาย
ผู้เรียนจะต้องเป็นผู้จัดกระทำกับข้อมูลหรือประสบการณ์ต่างๆ
และจะต้องสร้างความหมายให้กับสิ่งนั้นด้วยตนเอง โดยการให้ผู้เรียนอยู่ในบริบทจริง
ในการจัดการเรียนการสอนครูจะต้องพยายามสร้างบรรยากาศทางสังคมจริยธรรมให้ เกิดขึ้น
ผู้เรียนได้มีบทบาทในการเรียนรู้อย่างเต็มที่โดยผู้เรียนจะนำตนเองและควบคุม
ตนเองในการเรียนรู้ บทบาทของครูจะเป็นผู้ให้ความร่วมมือ
อำนวยความสะดวกและช่วยเหลือผู้เรียนในการเรียนรู้
การประเมินผลการเรียนรู้ตามทฤษฏีนี้มีลักษณะที่ยืดหยุ่นกันไปในแต่ละบุคคล
การประเมินควรใช้วิธีการที่หลากหลาย
การวัดผลจะต้องใช้กิจกรรมหรืองานในบริบทจริงด้วย
ซึ่งในกรณีที่จำเป็นต้องจำลองของจริงมา ก็สามารถทำได้
แต่เกณฑ์ที่ใช้ควรเป็นเกณฑ์ที่ใช้ในโลกความจริงด้วย
ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง(Constructivism)
วี
ก็อทสกี้เป็นนักจิตวิทยาชาวรัชเซียทฤษฎีเชาว์ปัญญาของวีก็อทสกี้เน้นความ
สำคัญของวัฒนธรรม สังคม และการเรียนรู้ที่มีต่อพัฒนาการเชาว์ปัญญา
วีก็อทสกี้แบ่งระดับเชาว์ปัญญาออกเป็น 2 ขั้น คือ
1.เชาว์ปัญญาขั้นเบื้องต้น คือเชาว์ปัญญามูลฐานตามธรรมชาติโดยไม่ต้องเรียนรู้
2.เชาว์ ปัญญาขั้นสูง
คือเชาว์ปัญญาที่เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ที่ให้การอบรมเลี้ยงดู
ถ่ายทอดวัฒนธรรมให้โดยใช้ภาษา วีก็อทสกี้ได้แบ่งพัฒนาการทางภาษาเป็น 3 ขั้น คือ
- ภาษที่ใช้ในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
เรียกว่า ภาษาสังคม
- ภาษาที่พูดกันตนเอง 3 – 7
ขวบ
- ภาษาที่พูดในใจเฉพาะตน 7 ขวบขึ้นไป
สรุปได้ว่า
การเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เป็นกระบวนการในการ Acting on ไม่ใช่ Taking in
(ประมวลทฤษฎีการเรียนรู้ที่เป็นสากลและการประยุกต์สู่การสอน)ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
(Constructivism)
ก. ทฤษฎีการเรียนรู้ วีก็อทสกี้ (Vygotsky)
เป็นนักจิตวิทยาชาวรัสเซียที่ได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพัฒนาการทางเชาน์ปัญญาในสมัยเดียวกับ เพียเจต์ (Piaget)
ทฤษฎีพัฒนาการทางเชาน์ปัญญาของเพียเจต์และวีก็อทสกี้เป็นรากฐานที่สำคัญของทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
(Constructivism) เพียเจต์เชื่อว่า (Piaget, 1972: 1 - 12) คนทุกคนจะมีการพัฒนาเชาน์ปัญญาไปตามลำดับขั้น
จากการปฏิสัมพันธ์และประสบการณ์กกับสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ
และแระสบการณ์ที่เกี่ยวกับการคิดเชิงตรรกะและคณิตศาสตร์ รวมทั้งการถ่ายทอดความรู้ทางสังคม
ส่วนวีก็อทสกี้ ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมและสังคมมาก
มนุษย์ได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมตั้งแต่แรกเกิด
ซึ่งนอกจากสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติแล้วก็ยังมีสิ่งแวดล้อมทางสังคมวางก็คือ
วัฒนธรรมที่แต่ละสังคมสร้างขึ้น
ข. การประยุกต์ใช้ทฤษฎีในการเรียนการสอน
การนำทฤษฎีการสร้างความรู้ไปใช้ในการเรียนการสอน สามารถทำได้หลายประการ ดังนี้
1. ตาม ทฤษฎีการสร้างความรู้
ผลของการเรียนรู้จะมุ่งเน้นไปที่กระบวนการสร้างความรู้
และการตระหนักรู้ในกระบวนการนั้นเป้าหมายการเรียนรู้จะต้องมาจากการปฏิบัติ งานจริง ผู้เรียนจะต้องฝึกฝนการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
2. เป้า
หมายของการสอนจะเปลี่ยนจากการถ่ายทอดให้ผู้เรียนได้รับสาระความรู้ที่แน่นอน ตายตัว
ไปสู่การสาธิตกระบวนการแปลและสร้างความหมายที่หลากหลาย
การเรียนรู้ทักษะต่างๆจะต้องให้มีประสิทธิภาพถึงขั้นทำได้และแก้ปัญหาจริง ได้
3. ใน การเรียนการสอน
ผู้เรียนจะเป็นผู้มีบทบาทในการเรียนรู้อย่างตื่นตัว
ผู้เรียนจะต้องเป็นผู้จัดกระทำกับข้อมูลหรือประสบการณ์ต่างๆและจะต้องสร้าง
ความหมายให้กับสิ่งนั้นด้วยตนเอง โดยการให้ผู้เรียนอยู่ในบริบทจริง
4. ใน การจัดการเรียนการสอนครูจะต้องพยายามสร้างบรรยากาศทางสังคม
จริยธรรม ให้เกิดขึ้น กล่าวคือ
ผู้เรียนจะต้องมีโอกาสเรียนรู้ในบรรยากาศที่เอื้อต่อการปฎิสัมพันธ์ทางสังคม
จะช่วยให้การเรียนรู้ของผู้เรียนกว้างขึ้น และหลากหลายขึ้น
5. ในการเรียนการสอน
ผู้เรียนมีบทบาทในการเรียนรู้อย่างเต็มที่ โดยผู้เรียนจะนำตนเองและควบคุมตนเองในการเรียนรู้
6. ใน การเรียนการสอนแบบสร้างความรู้
ครูจะมีบทบาทแตกต่างไปจากเดิม คือจากการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้และควบคุมการเรียนรู้
เปลี่ยนไปเป็นการให้ความร่วมมือ อำนวยความสะดวก และช่วยเหลือผู้เรียนในการเรียนรู้
คือการเรียนการสอนจะต้องเปลี่ยนจาก “การให้ความรู้” ไปเป็น
“การให้ผู้เรียนสร้างความรู้”
7. ใน ด้านการประเมินผลการเรียนการสอน
เนื่องจากการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองนี้
ขึ้นกับความสนใจและการสร้างความหมายที่แตกต่างกันของบุคคล ผลการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจึงมีลักษณะหลากหลาย
สรุป
ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
เป็นการฝึกการเรียนรู้ให้ความสำคัญกับกระบวนการและวิธีการในการสร้างความรู้
ความเข้าใจจากประสบการณ์ การเรียนการสอนเน้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง
เพื่อให้ได้รับรู้ถึงประสบการณ์จริงให้มีปฏิสัมพันธ์ที่เป็นจริงและสอดคล้อง
กับความสนใจของผู้เรียน
สมองเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการแปลความหมายของเหตุการณ์หรือสิ่งต่างๆได้
เป็นอย่างดี
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น